1. โรค MERS หรือโรคเมอร์ส (Middle East Respiratory Syndrome) คืออะไร ?
ตอบ โรค MERS หรือโรคเมอร์ส มีชื่อทางการว่า โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (Middle EastRespiratory Syndrome) เนื่องจากชื่อค่อนข้างยาว จึงมีชื่อเรียกสั้นๆ เป็นชื่อย่อภาษาอังกฤษ ว่า โรค MERS(โรคเมอร์ส) โดยโรคนี้เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส เป็นโรคของระบบทางเดินหายใจ โดยเชื้อที่เป็นสาเหตุ คือเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งค้นพบครั้งแรกในปี 2012 ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย โคโรนาไวรัสจัดอยู่ในตระกูลเดียวกับเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคทางระบบทางเดินหายใจตั้งแต่โรคที่มีอาการไม่รุนแรง เช่น ไข้หวัด จนถึงอาการรุนแรงเช่น ซาร์ส
4. เราสามารถติดเชื้อโรคเมอร์สแต่ไม่แสดงอาการป่วยได้หรือไม่ ?
ตอบ ได้ ในบางรายที่มีการติดเชื้อไวรัสเมอร์ส แต่ไม่ปรากฏอาการป่วย ซึ่งในกลุ่มนี้มักจะเป็นกลุ่มคนที่มีการสัมผัสคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคเมอร์ส จึงได้รับการเฝ้าระวังติดตามอาการ และได้รับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ และจากการติดตามทำให้พบว่าในบางรายมีการติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการป่วย
6. โรคเมอร์ส เป็นโรคติดต่อใช่หรือไม่ ?
ตอบ โรคเมอร์ส เป็นโรคติดต่อ แต่พบในวงจำกัด โรคนี้ไม่ได้มีการติดต่อจากคนสู่คนอย่างง่ายดายแต่จะพบการติดต่อจากคนสู่คนได้ในกรณีมีการสัมผัสคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย โดยเฉพาะในกลุ่มมี่ต้องมีการดูแลผู้ป่วยแต่ไม่ได้สวมอุปกรณ์ป้องกันร่างกาย ส่วนมากจึงพบในสถานพยาบาลและเป็นการติดต่อจากคนสู่คนโดยเฉพาะในกลุ่มที่สัมผัสคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยและไม่ได้สวมอุปกรณ์ในการป้องกันร่างกาย ทั้งนี้ยังไม่มีข้อมูลมากพอว่าการติดต่อจากคนสู่คนเกิดขึ้นได้อย่างไร
7. แหล่งที่มาของเชื้อไวรัสเมอร์ส คือค้างคาว/ อูฐ/ สัตว์เลี้ยง ?
ตอบ ในภาพรวมแหล่งที่มาของโรคยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจน พบเชื้อไวรัสเมอร์สที่พบตรงกับในคนซี่งเป็นสายพันธุ์ที่แยกออกมาจากอูฐที่พบในประเทศอียิปต์ โอนมาน การ์ต้าร์ และซาอุดิอาระเบียและจากการยังศึกษาอื่นๆ พบแอนติบอดี้เชื้อไวรัสเมอร์สในอูฐโหนกเดียว ในแถบแอฟริกาและตะวันออกกลางจากการศึกษาข้อมูลทางพันธุกรรมในคนและอูฐ ทำให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างเชื้อไวรัสเมอร์สในอูฐและคนซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าอาจมีแหล่งรังโรคอื่นๆ อยู่ เช่น แพะ วัว แกะ ควาย สุกร นกป่า แต่จากการศึกษายังไม่พบรายงานการติดเชื้อในสัตว์เหล่านี้ ข้างต้นจากการศึกษาเหล่านี้สนับสนุนข้อค้นพบว่า เชื้อเมอร์สที่พบในอูฐโหนกเดียวนี้ มีแนวโน้มที่ทำให้เกิดการติดเชื้อเมอร์สในคน
8. เราควรจะหลีกเลี่ยงการสัมผัสอูฐ ผลิตภัณฑ์จากอูฐ หรือไม่? แล้วการไปเยี่ยมชมฟาร์มอูฐ ตลาดสดที่มีอูฐ หรืองานออกร้านแสดงอูฐ จะมีความปลอดภัยหรือไม่ ?
ตอบ เพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อ ทุกคนที่เข้าเยี่ยมชมชมฟาร์มอูฐ ตลาดสดที่มีอูฐ โรงเก็บผลผลิตทางการเกษตร หรือสถานที่อื่นๆ ที่มีการแสดงของสัตว์ ควรปฏิบัติตนในการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล ซึ่งได้แก่ การล้างมืออย่างเป็นประจำ ก่อนและหลังการสัมผัสสัตว์ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่วยการบริโภคผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมและเนื้อสัตว์ที่ดิบหรือที่ไม่ได้ผ่านการปรุงให้สุกก่อนบริโภค มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้ผู้บริโภคติดโรคได้ ดังนั้นผลิตภัณฑ์จากสัตว์ควรผ่านการปรุงให้สุก หรือผ่านการฆ่าเชื้อให้สะอาดก่อนที่จะนำมาบริโภค แต่ควรจะระมัดระวังการดูแลการปรุงอาหารให้สุกให้ปราศจากการปนเปื้อนเชื้อเนื้อและนมอูฐยังคงมีคุณค่าทางอาหารแม้จะผ่านการปรุงสุก การฆ่าเชื้อ หรือผ่านการปรุงให้ร้อนข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคเมอร์ส คนที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน โรคไตวาย โรคปอดเรื้อรัง และคนที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงที่จะมีอาการป่วยรุนแรงเมื่อติดเชื้อเมอร์ส ดังนั้นคนเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสอูฐ การดื่มน้ำนมอูฐดิบ หรือปัสสาวะอูฐ รวมถึงไม่รับประทานเนื้อสัตว์ที่ไม่ได้รับการปรุงให้สุกก่อน
9. โรคเมอร์สมีวัคซีนป้องกันโรคหรือไม่ และมีการรักษาอย่างไร ?
ตอบ ยังไม่มีวัคซีนหรือยารักษาจำเพาะ ทั้งนี้การรักษาในปัจจุบันเป็นการรักษาแบบประคับประคองอาการขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย
10. บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข (Healthcare workers) มีความเสี่ยงในการติดโรคเมอร์สหรือไม่ ?
ตอบ มีความเสี่ยง ในหลายประเทศมีการติดต่อของโรคเมอร์สจากผู้ป่วยไปสู่ผู้ที่ให้การดูแลรักษา เนื่องจากเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยากที่จะสามารถวินิจฉัยว่าผู้ป่วยป่วยเป็นโรคเมอร์สได้โดยไม่มีการส่งตัวอย่างทดสอบเนื่องจากอาการของโรคเมอร์สจะมีลักษณะทางคลินิกที่ไม่เฉพาะเจาะจง เพราะฉะนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่ผู้ดูแลให้การรักษาผู้ป่วยควรปฏิบัติตามหลักการป้องกันตนเองตามมาตรฐาน (Standard Precautions)กับผู้ป่วยทุกรายในระหว่างการปฏิบัติงานตลอดเวลา และในกรณีให้การดูแลผู้ป่วยที่มีอาการทางระบบทางเดินหายใจ ควรใช้วิธีการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อผ่านทางละอองฝอย (Droplet Precautions) ถ้าให้การดูแลผู้ป่วยที่สงสัย (Probable Cases) ติดโรคเมอร์ส ควรใช้วิธีการป้องกันดวงตา และการป้องกันการแพร่เชื้อผ่านการสัมผัส (Contact Precautions) หรือกรณีให้การดูแลรักษาผู้ป่วยยืนยัน (Confirmed Cases)การติดโรคเมอร์ส ให้ใช้การป้องกันแบบ Airborne Precautions เมื่อต้องทำหัตถการที่ทำให้เกิดฝอยละอองในอากาศ (Aerosol Generating Procedures)
11. องค์การอนามัยโลกมีคำแนะนำในการท่องเที่ยว หรือข้อจำกัดในการเดินทาง การค้า ที่เกี่ยวกับไวรัสชนิดนี้หรือไม่ ?
ตอบ จากสถานการณ์และข้อมูลในปัจจุบัน องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ประเทศสมาชิกเพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวัง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลัน (Acute Respiratory Infection)และเฝ้าระวังในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบแบบผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ และขอให้ประเทศสมาชิกแจ้งข้อมูล และรายละเอียดผู้ป่วย ในกรณีที่พบผู้ติดโรคเมอร์สในประเทศของตน และแนะนำให้ประเทศสมาชิกให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคเมอร์สแก่นักท่องเที่ยว องค์การอนามัยโลก ยังไม่แนะนำให้มีการจำกัดการเดินทางหรือการค้าแต่อย่างใด
12. องค์การอนามัยโลกมีการตอบสนองต่อการระบาดของโรคเมอร์ส อย่างไรบ้าง ?
ตอบ องค์การอนามัยโลกได้ทำงานร่วมกับแพทย์ และนักวิทยาศาสตร์ในการรวบรวมข้อมูล และศึกษาลักษณะที่สำคัญของไวรัสชนิดนี้ เพื่อที่จะหาวิธีการตอบสนอง วิธีการรักษาทางคลินิก , องค์การอนามัยโลก ได้มีการทำงาน และแลกเปลี่ยนข้อมูลกับประเทศที่เกิดการระบาดของโรค รวมถึงประสานงานในเรื่องของเทคนิคในการดำเนินงานต่างๆจากประเทศเครือข่ายทั่วโลก รวมถึงได้มีการจัดทำข้อมูลการระบาด เพื่อรายงานสถานการณ์ และการประเมิน วิเคราะห์ความเสี่ยง ร่วมกับหน่วยงานระดับชาติ , มีการจัดอบรม และประชุมเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หน่วยงานด้านสุขภาพ ในเทคนิคการทำงาน เทคนิคการเฝ้าระวัง การป้องกันควบคุมโรคการรักษาทางคลินิก และเทคนิคการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
13. องค์การอนามัยโลก มีคำแนะนำอย่างไร ?
ตอบ สำหรับประเทศต่างๆ องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ประเทศสมาชิกเพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังโดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลัน (Acute Respiratory Infection) และเฝ้าระวังในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบแบบผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ และขอให้ประเทศสมาชิกแจ้งข้อมูล และรายละเอียดผู้ป่วย ในกรณีที่พบผู้ติดโรคเมอร์สในประเทศของตน และแนะนำให้ประเทศสมาชิกให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคเมอร์สแก่นักท่องเที่ยวสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยมาตรการการควบคุม และป้องกันการติดเชื้อเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะป้องกันการแพร่กระจายของโรคเมอร์ส สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ให้การดูแลรักษาผู้ที่สงสัยติดโรค หรือผู้ที่ได้รับการยืนยันว่าติดโรคควรใช้วิธีการป้องกันที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อจากผู้ป่วยไปยังผู้อื่นทั้งบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ดูแลรักษา หรือผู้ที่เข้าเยี่ยม ทั้งนี้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยควรได้รับการฝึกอบรม และการฟื้นฟูทักษะในการป้องกันการติดเชื้อ และการควบคุมป้องกันการแพร่กระจายของโรค
14.การแถลงข่าวเมื่อพบผู้ป่วยเมอร์สรายแรก
ตอบ กรณีเป็นบุคลาการทางการแพทย์และสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขควรเป็นผู้แถลงข่าว กรณีประชาชนทั่วไป ปลัดกระทรวงสาธารณสุข หรือรองปลัดกระทรวงสาธารณสุขที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้แถลงข่าว พร้อมลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมผู้ป่วย
15.กรณีมีผู้ป่วยติดเชื้อเมอร์สรายที่ 2 ในโรงพยาบาล จะสื่อสารความเสี่ยง อย่างไร
ตอบ เน้นการสื่อสารความเสี่ยงในบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยฉพาะเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ที่ปฏิบัติงานในสถานพยาบาลทุกประเทศควรมีมาตรการป้องกันการติดเชื้อในระดับสูง ตามหลักการของ Standard precautions โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นนักท่องเที่ยว แรงงานต่างด้าว ที่มีประวัติเดินทางจากประเทศตะวันออกกลางทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ควรเป็นผู้แถลงข่าว พร้อมลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยม
16.เกาหลีใต้พบการระบาดในวงจำกัด (โรงพยาบาล)หากพบการระบาดเป็นวงกว้าง (ชุมชน)จะเตรียมการสื่อสารอย่างไร
ตอบ จากข้อมูลที่มีในปัจจุบัน พบว่ากลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการป่วยรุนแรง ได้แก่ กลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน โรคปอดเรื้อรัง โรคไตวาย หรือผู้ที่ภูมิต้านทานต่ำ ควรระมัดระวังเป็นพิเศษหากเดินทางเข้าในประเทศที่มีการระบาดและเข้าเยี่ยมชมฟาร์ม หรือสถานที่เก็บผลผลิตทางการเกษตร และหรือในพื้นที่ตลาดที่มีอูฐอยู่ และควรปฏิบัติตน ดังนี้
17.มีแนวทางในการเข้าเยี่ยมผู้ป่วยอย่างไรในหอผู่ป่วยหนัก/ห้องแยก จากบทเรียนหญิงตั้งครรภ์ในเกาหลีติดเชื้อเมอร์ส
18.สร้างแรงจูงใจอย่างไรหากผู้ป่วยที่ติดเชื้อเมอร์สเป็นบุคลากรทางการแพทย์